แบล็คแจ็ค รู้จักกติกาการเล่นของแบล็คแจ็ค เกมไพ่สุดตื่นเต้น
ไพ่ คืออุปกรณ์สำคัญในการเล่นเดิมพันเพื่อหาผู้ชนะ หรือคนที่จะทำเงิน ซึ่งเกมพนันที่ต้องใช้งานไพ่นั้นก็ถือว่าหลากหลายมาก ๆ ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล หรือการเล่นที่โดนใจ ซึ่งหนึ่งในเกมที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักคือ แบคแจค หรือแบล็คแจ็ค เกมคาสิโนยอดฮิตที่คนทางฝั่งยุโรปเล่นกันมาอย่างยาวนาน แล้วค่อย ๆ มีคนในบ้านเราสนใจพร้อมเข้าเล่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ใครที่สนใจและอยากรู้ว่าเกมดังกล่าวมีกติกาอย่างไร ต้องเล่นแบบไหนจึงจะถูกต้อง มาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันได้เลย
กฎกติกาต่างๆ ในการเล่นแบคแจคเกมแบล็คแจ็ค
อย่างที่กล่าวไปว่าเกมแบคแจค ถือเป็นเกมที่คนทางฝั่งยุโรปนิยมเล่นกัน ซึ่งพอมาถึงบ้านเราบ่อยครั้งที่มักถูกเรียกว่า เกมไพ่ 21 แต้ม เนื่องจากต้องทำแต้มในมือได้ไม่เกิน 21 นั่นเอง แต่เพื่อให้เข้าใจถึงกฎ กติกาต่าง ๆ อย่างครบถ้วน มาเรียนรู้วิธีเล่นไปพร้อมกันได้เลย รับรองว่าง่ายและคุณจะสนุกในทุก ๆ ครั้งที่มีโอกาสได้เดิมพันเกมนี้ แนะนำให้ร่วมสนุกกับเรา เว็บพนันออนไลน์ถูกกฏหมาย
- ในกรณีเล่นกับคาสิโนหรือคาสิโนออนไลน์ ต้องมีการแลกชิปให้เรียบร้อย แต่ถ้าหากเล่นกันเองก็สามารถใช้เงินสดในการลงเดิมพันได้ทันที โดยเกมนี้จำเป็นต้องมีเจ้ามือ เพื่อให้รู้ว่าไพ่ระหว่างผู้เล่นกับเจ้ามือใครจะเป็นผู้ชนะ
- ทำการวางเดิมพันตามจำนวนเท่า ๆ กันเป็นครั้งแรก จากนั้นดีลเลอร์ (ถ้าเล่นกันเองก็เป็นเจ้ามือ) จะทำการแจกไพ่ให้ครบรอบวง โดยหมุนตามเข็มนาฬิกา เริ่มต้นจากไพ่ทั้งหมด 2 ใบ แบบคว่ำหน้าลง ส่วนเจ้ามือจะได้รับไพ่หงายขึ้น 1 ใบหลัง เพื่อให้ผู้เล่นคาดเดาว่าไพ่ในมือของเจ้านั้นน่าจะประมาณเท่าไหร่ เป็นการลุ้นและยังหมายถึงโอกาสการซื้อประกันไพ่ (จะอธิบายในส่วนหลัง)
- คราวนี้มาถึงการเล่นเดิมพันแบคแจค ซึ่งคนที่เป็นผู้เล่นต้องรู้เอาไว้เลยว่า ไพ่บนมือของเกมนี้จะมีกี่ใบก็ได้ แต่ท้ายที่สุดต้องมีแต้มรวมไม่เกิน 21 แต้ม ในกรณีที่จั่วไพ่ขึ้นมาแล้วแต้มรวมเกินจะถือว่าแพ้ทันที โดยไม่ต้องลุ้นใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นวิธีคิดคือพยายามทำแต้มให้ใกล้เคียงกับ 21 มากที่สุด แต่ห้ามเกินจากแต้มดังกล่าวเป็นอันขาด คราวนี้เมื่อผู้เล่นได้ไพ่ครบถ้วนแล้วก็จะเข้าสู่การดำเนินเกม ประกอบไปด้วย
- ผู้เล่นขาน Hit คือ ต้องการจั่วไพ่เพิ่มอีก 1 ใบ
- ผู้เล่นขาน Stand คือ พึงพอใจไพ่ในมือของตนเอง ไม่ต้องการเรียกเพิ่ม
- ผู้เล่นขาน Double – Down คือ ผู้เล่นต้องการจั่วไพ่เพิ่มอีก 1 ใบ และต้องการเพิ่มเงินเดิมพันมากกว่าที่ลงไปครั้งแรกอีก 1 เท่าตัว เช่น ลงเดิมพันไป 100 บาท ต้องการเพิ่มอีก 100 บาท เป็นต้น อย่างไรก็ตามวิธีนี้ส่วนใหญ่แล้วจะต้องใช้กับคนที่มั่นใจว่าไพ่ใบต่อไปที่จะได้รับมีแต้มรวมกับไพ่ในมือไม่เกิน 21 แต้ม เพราะถ้าเกินเท่ากับว่าเงินที่ลงทุนทั้งหมดจะเสียไปทันที
- ผู้เล่นขาน Split คือ ผู้เล่นมีไพ่ 2 ใบที่แต้มเท่ากัน ดังนั้นจึงมีสิทธิ์ที่จะแยกไพ่ดังกล่าวออกเป็น 2 กอง หมายถึงเปลี่ยนเป็นการเล่น 2 มือ สามารถเดิมพันได้ทั้ง 2 กองที่มีอยู่กับตัว
- การไล่เรียงคนที่จะขานไพ่คือ จะเริ่มต้นจากคนทางฝั่งซ้ายของเจ้ามือแล้วขานวนไปเรื่อย ๆ ว่าใครเป็นอย่างไรบ้าง หากใครมีแต้มรวมเกิน 21 แต้ม ก็ให้หมอบไพ่ลงทันทีเพราะถือว่าแพ้ในเกมนี้แล้ว ส่วนใครที่ยังสู้ต่อก็จะสู้ไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดไม่มีใครเรียกไพ่เพิ่มก็จะหงายไพ่ออกมาดูเลยว่าใครมีแต้มใกล้เคียงกับ 21 มากที่สุด หรือได้ 21 แต้ม ก็จะชนะทันที
การนับแต้มและการจ่ายเงินของแบคแจค
เมื่อเข้าใจกติกาพื้นฐานกันไปพอสมควรแล้ว ก็อยากพูดต่อในเรื่องการนับแต้มเกมไพ่อย่างแบคแจค ที่จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม โดยการนับแต้มบนหน้าไพ่นั้นจะประกอบไปด้วย 2-10 มีค่าเท่ากับหน้าไพ่ตนเอง, A มีค่า 1 หรือ 11 ตามแต่สถานการณ์ (เช่น ถ้าได้ A, 2, 8 แบบนี้จะให้ A = 11 เพื่อเอาชนะเลยก็ได้ หรือถ้าได้ A, J, 7 จะให้ A = 1 เพื่อแต้มไม่เกิน 21 ก็ทำได้เช่นกัน), J, Q, K มีค่าเท่ากับ 10 ในการจ่ายเงินของเกมแบล็คแจ็ค หากเล่นกันทั่ว ๆ ไป ก็จะมีอัตราการจ่าย 1 เท่า คือ ถ้าวางเดิมพัน 100 บาท ได้รับเงินจากเจ้ามือ 100 บาท หากชนะ แต่ถ้าเปิดออกมารอบแรกแล้วติดแบล็คแจ็ค 21 แต้ม เลยจะมีอัตราจ่ายที่ 3 : 2 เช่น ลงทุน 200 บาท ได้เงิน 300 บาท เป็นต้น ทั้งนี้ยังมีการประกันไพ่ ในกรณีเจ้ามือเปิดมาเป็น A โดยผู้เล่นต้องวางเงินประกัน 1 เท่าของเงินลงทุนเดิม แล้วเมื่อเจ้ามือเปิดออกมาหมดเป็นแบคแจคก็จะได้เงินครึ่งเท่าของเงินที่ลงเดิมพัน แต่ถ้าหากเจ้ามือไม่ได้แบล็คแจ็คก็ถือว่าเสียเงินฟรีทันที ทั้งนี้เจ้ามือจะโชว์ว่าตนเองมีไพ่ A หรือไม่ก็ได้ ทั้งหมดนี้เป็นกติกาและกฎพื้นฐานของการเล่นแบคแจค บอกเลยว่าไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด ทุก ๆ คนสามารถทำความเข้าใจและเข้าเล่นกันอย่างสนุกสนาน ลุ้นกันทุกรอบเลย อ่านเพิ่มเติมบทความ: เล่นเกมได้เงินจริง